ตอนที่ 4: หนี้สิน…ส่วนของเจ้าของ จะรับรู้เมื่อไหร่จึงจะถูกต้อง?

หนี้สินในทางบัญชี ไม่ใช่แค่การกู้เงินจากธนาคาร หรือหนี้สินเชื่อ แต่หมายถึง 'ภาระผูกพันทางการเงิน' ที่กิจการต้องชำระให้แก่บุคคลอื่นในอนาคต
หนี้สินส่วนของเจ้าของ จะรับรู้เมื่อไหร่จึงจะถูกต้อง

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนไหนถึงควรบันทึกว่าเป็นหนี้?
ง่าย ๆ คือ ต้องดูว่าเกิด ‘ข้อผูกพัน’ แล้วหรือยัง เช่น:

– สั่งซื้อของแล้วได้รับสินค้า แต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน → ต้องรับรู้หนี้
– มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นแล้ว เช่น ค่าไฟ ค่าแรงงานที่ยังไม่จ่าย → ต้องรับรู้หนี้
– รับเงินมัดจำจากลูกค้า → เป็นหนี้ที่ต้องให้บริการในอนาคต

> หากไม่รับรู้หนี้ให้ครบถ้วน จะทำให้งบการเงินดูดีกว่าความเป็นจริง และเสี่ยงผิดมาตรฐาน

ตามกรอบแนวคิดการรายงานทางการเงิน (Framework)
**“หนี้สิน” หมายถึง ภาระผูกพันในปัจจุบันที่เกิดจากเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งคาดว่ากิจการจะต้องชำระโดยการโอนสินทรัพย์หรือให้บริการในอนาคต**

เงื่อนไขที่ต้องครบเพื่อให้รับรู้หนี้สินได้:
1. กิจการมีภาระผูกพันในปัจจุบัน (Present Obligation)
2. เกิดจากเหตุการณ์ในอดีต (Past Event)
3. คาดว่าจะต้องชำระด้วยสินทรัพย์หรือบริการในอนาคต
4. สามารถวัดมูลค่าได้อย่างเชื่อถือได้

ประเภทของหนี้สินที่พบทั่วไป:
– เจ้าหนี้การค้า / เจ้าหนี้ค่าบริการ
– หนี้สินระยะยาวจากการกู้ยืม
– หนี้สินที่เกิดจากภาษีค้างจ่าย
– รายได้รับล่วงหน้า (Deferred Income)


การรับรู้หนี้สินไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน มีผลกระทบโดยตรงต่อ ‘ส่วนของเจ้าของ’ และ ‘กำไรสุทธิ’ ซึ่งอาจกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ใช้งบ


ส่วนของเจ้าของ… ไม่ใช่แค่เงินที่เจ้าของใส่เข้ามา

หลายคนเข้าใจว่า ‘ส่วนของเจ้าของ’ คือเงินที่เจ้าของลงทุนไว้เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วมันคือ ‘สิทธิของเจ้าของในทรัพย์สินของกิจการ’ หลังจากหักหนี้สินทั้งหมดแล้ว

ลองคิดภาพง่าย ๆ:
– ถ้ากิจการมีทรัพย์สิน 1,000 บาท
– และมีหนี้สิน 400 บาท
ส่วนของเจ้าของ = 1,000 – 400 = 600 บาท

ส่วนของเจ้าของจึงไม่ใช่แค่เงินที่ใส่มา แต่รวมถึงกำไรสะสมที่กิจการสร้างได้ หรือแม้แต่ขาดทุนสะสมที่ยังไม่ได้ปันผลก็รวมอยู่ด้วย

> การเข้าใจส่วนของเจ้าของ ช่วยให้เรารู้ว่า ‘สิทธิที่แท้จริงของเจ้าของ’ ในกิจการมีเท่าไร

ตามกรอบแนวคิดทางบัญชี ส่วนของเจ้าของคือ “ส่วนที่เหลือจากสินทรัพย์หลังจากหักหนี้สินแล้ว” หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘ผลประโยชน์ของเจ้าของ’ ในกิจการ

โครงสร้างของส่วนของเจ้าของอาจประกอบด้วย:
1. เงินลงทุนของเจ้าของ
2. กำไรสะสม (หรือขาดทุนสะสม)
3. เงินเพิ่มทุน หรือเงินสำรอง
4. รายการปรับปรุงสะสมอื่น ๆ (ถ้ามี เช่น การตีมูลค่าสินทรัพย์ใหม่)

การเปลี่ยนแปลงในส่วนของเจ้าของสามารถเกิดจาก:
– การลงทุนเพิ่ม / ถอนทุน
– กำไรสุทธิ / ขาดทุนสุทธิประจำงวด
– การจ่ายเงินปันผล