Regulation
- สมาคมศิษย์เก่า คณะบริหารธุรกิจ
- >
- ข้อบังคับ
ข้อบังคับ สมาคมนักศึกษาเก่า คณะบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ข้อ 1 ชื่อสมาคม
สมาคมนี้ชื่อ “สมาคมนักศึกษาเก่า คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง” (สบมร.) และมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “THE ALUMNI ASSOCIATION OF BUSINESS ADMINISTRATION RAMKHAMHAENG UNIVERSITY” (ABARU)
ข้อ 2 ที่ตั้ง
สำนักงานใหญ่ของสมาคมตั้งอยู่ที่ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง อาคารศรีสัชนาลัย ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
ข้อ 3 ตราสัญลักษณ์
เป็นรูปลักษณะวงกลม 2 วง วงในเป็นรูปเรือใบ มีองค์พ่อขุนรามคำแหงมหาราชประดิษฐานอยู่กลางเรือใบ ใต้ฐานเรือมีชื่อย่อของสมาคม และปี พ.ศ. ที่ก่อตั้ง (สบมร 2548) วงนอกเป็นชื่อสมาคม และชื่อสถาบัน
ข้อ 4 วัตถุประสงค์ ของสมาคมมีดังนี้
4.1 สร้างความสัมพันธ์ในหมู่นักศึกษาเก่า นักศึกษาปัจจุบัน และคณาจารย์ของคณะบริหารธุรกิจ
4.2 ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก
4.3 ส่งเสริมเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านบริหารธุรกิจ และวิชาการด้านอื่นๆ
4.4 ส่งเสริมเกียรติคุณ และพัฒนาการศึกษาด้านบริหารธุรกิจแก่นักศึกษาปัจจุบันของคณะบริหารธุรกิจ
4.5 ให้ความช่วยเหลือและอนุเคราะห์แก่สมาชิก
4.6 ให้ความร่วมมือและส่งเสริมกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ทั่วไป และไม่ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการเมือง
4.7 ดำเนินการ หรือส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิก คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือสังคม เพื่อเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของคณะฯ
4.8 จัดการฝึกอบรมสัมมนาทางวิชาการด้านบริหารธุรกิจ ด้านบัญชี ด้านการเงิน หรือ วิชาการด้านอื่น
ข้อ 5 สมาชิก ของสมาคมมี 4 ประเภท คือ
1. สมาชิกสามัญ
ผู้ที่เคยขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา และได้พ้นจากการเป็นนักศึกษา คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว
2. สมาชิกสมทบ
เป็นนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือเคยได้รับการศึกษาอบรมจากคณะบริหารธุรกิจ
3. สมาชิกกิตติมศักดิ์
ต้องเป็นผู้ที่คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์เชิญให้เป็นสมาชิก และไม่ต้องเสียค่าสมาชิก
4. สมาชิกกิจกรรมทางวิชาการ
บุคคลหรือนิติบุคคลผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการของสมาคม
ข้อ 6 การสมัครเป็นสมาชิก
ผู้สมัครเป็นสมาชิกสามัญ และสมาชิกสมทบต้องยื่นใบสมัครสมาชิกตามแบบ ที่กำหนดต่อนายทะเบียนสมาคม พร้อมชำระค่าจดทะเบียน และค่าสมาชิกตามอัตราตามอัตราดังต่อไปนี้
สมาชิกสามัญ
6.1 ค่าจดทะเบียน 100 บาท
6.2 ค่าสมาชิกปีละ 200 บาท
6.3 ค่าสมาชิกตลอดชีพ 1,000 บาท
สมาชิกสมทบ
6.4 ค่าจดทะเบียน100บาท
6.5 ค่าสมาชิกประจำปี 100 บาท
สมาชิกกิจกรรมทางวิชาการ
6.6 ค่าจดทะเบียน 100 บาท
6.7 ค่าสมาชิกประจำปี 200 บาท
ข้อ 6/1 ให้คณะกรรมการมีอำนาจในการจัดทำทะเบียนข้อมูลสมาชิกรวมถึงข้อมูลสมาชิกทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
ข้อ 7 เมื่อได้รับใบสมัครสมาชิกแล้ว
ให้นายทะเบียนนำรายชื่อผู้สมัครเป็นสมาชิกเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณา เมื่อคณะกรรมการลงมติให้รับผู้สมัครท่านใดเป็นสมาชิกแล้ว ให้นายทะเบียนแจ้งให้ผู้สมัครทราบ
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการลงมติไม่อนุมัติรับผู้สมัครท่านใดเป็นสมาชิกด้วยเหตุใดก็ตาม สมาคมจะคืนค่าจดทะเบียนและค่าสมาชิกให้กับผู้สมัครท่านนั้นภายใน 30 วัน
ข้อ 8 เมื่อนายทะเบียนได้ประกาศรับผู้สมัคร
ท่านใดเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นสมาชิกนับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการสมาคมมีมติอนุมัติรับเข้าเป็นสมาชิก และสิ้นสุดในวันสิ้นปีปฏิทินของปีที่สมัครนั้นๆ
ข้อ 9 สมาชิกมีสิทธิใช้สถานที่หรือสโมสรของสมาคม
เพื่อกิจการใดๆ ภายในวัตถุประสงค์สมาคม ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดได้
ข้อ 10 สมาชิกที่จะสอบถามกิจการ หรือขอดูหลักฐานบัญชีต่างๆ หรืออาจแสดงความเห็นให้ทำเป็นหนังสือไปยังคณะกรรมการ
ข้อ 11 สมาชิกขาดจากสมาชิกภาพ เมื่อ
11.1 ตาย
11.2 ลาออก
11.3 ค้างชำระค่าสมาชิก
11.4 คณะกรรมการวินิจฉัยให้ออก โดย
(1) ประพฤติผิดข้อบังคับของสมาคมอย่างร้ายแรง หรือ
(2) กระทำความผิดต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด เว้นแต่ความผิดลหุโทษ หรือความผิดซึ่งได้กระทำโดยประมาท หรือ
(3) ประพฤติตนในทางที่อาจนำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม ซึ่งคณะกรรมการวินิจฉัยให้ออกจากสมาชิกภาพ โดยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ ของคณะกรรมการที่มาประชุม และมีสิทธิออกเสียง
สมาชิกเมื่อขาดจากสมาชิกภาพแล้ว ให้นายทะเบียนถอนชื่อออกจากทะเบียนสมาชิก
ข้อ 12 สมาชิกผู้ใดประสงค์จะลาออกจากสมาคมก็ย่อมทำได้ โดยแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือไปยังนายทะเบียน และให้มีผลเมื่อนายทะเบียนได้รับหนังสือลาออกนั้น ให้นายทะเบียนเสนอคำขอนั้นต่อคณะกรรมการเพื่อทราบ
ข้อ 13 ให้มีคณะกรรมการสมาคมคณะหนึ่งมีจำนวนอย่างน้อย 5 คน อย่างมากไม่เกิน 21 คน ประกอบด้วยนายกสมาคม อุปนายกสมาคมไม่เกิน 3 คน เลขาธิการ เหรัญญิก นายทะเบียน และกรรมการอื่นซึ่งรวมแล้วไม่เกิน 21 คน ทั้งนี้จะแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใดก็ได้ คณะกรรมการสมาคมจะแต่งตั้งที่ปรึกษาหรือคณะอนุกรรมการตามความจำเป็นหรือสมควรก็ได้
ข้อ 14 ให้ที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งนายกสมาคม ส่วนอุปนายกสมาคม และกรรมการอื่นให้นายกสมาคมพิจารณาแต่งตั้งจากสมาชิกสามัญรุ่นต่างๆ ไม่น้อยกว่า 3 รุ่น ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งนายกสมาคม
ข้อ 15 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการ และออกระเบียบข้อบังคับเพื่อดำเนินกิจการของสมาคมตามวัตถุประสงค์แห่งข้อบังคับนี้ และอาจตั้งหน่วยใดหน่วยหนึ่ง เพื่อดำเนินกิจการตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดขึ้น สำหรับงานแต่ละหน่วยงาน และแต่งตั้งอนุกรรมการสำหรับจัดงานในหน่วยงานนั้นๆ ได้ นอกจากนี้อาจตั้งสาขาสมาคมเพื่อดำเนินกิจการ ตามระเบียบข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนดขึ้นสำหรับกิจการของสาขาสมาคม
ข้อ 16 นายกสมาคมและกรรมการดำรงตำแหน่งวาระละ 2 ปี เมื่อครบกำหนดแล้ว ให้เลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่ ทั้งนี้ นายกสมาคมดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน
ข้อ 17 กรรมการพ้นตำแหน่งเมื่อครบวาระ ลาออก หรือขาดจากสมาชิกภาพ ตำแหน่งกรรมการว่างลงก่อนครบวาระ คณะกรรมการมีอำนาจเชิญสมาชิกผู้ใดผู้หนึ่งขึ้นเป็นกรรมการแทน ให้เต็มตามตำแหน่งที่ว่างลงได้เท่ากับกำหนดเวลาที่เหลือของกรรมการซึ่งตนแทน
กรณีตำแหน่งนายกสมาคมว่างลง ไม่ว่าโดยเหตุใดให้อุปนายกคนที่ 1 รักษาการนายกสมาคม จนถึงวันประชุมใหญ่ พร้อมทั้งจัดให้มีการเลือกนายกสมาคมในวันนั้น
ข้อ 18 นายกสมาคมเป็นผู้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อปรึกษากิจการเป็นครั้งคราวตามที่เห็นสมควรโดยให้เลขาธิการจัดนัดประชุมไป
ข้อ 19 นายกสมาคมเป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการโดยตำแหน่ง และอุปนายกเป็นรองประธานคณะกรรมการ ถ้าในการประชุมคราวใดประธานคณะกรรมการไม่อยู่ ให้รองประธานกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นประธานฯ และถ้าหากทั้งนายกสมาคมและอุปนายกสมาคม ไม่อยู่ในที่ประชุม ให้คณะกรรมการเลือกตั้งกรรมการ คนใดคนหนึ่งขึ้นเป็นประธานในที่ประชุม
ข้อ 20 การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการอยู่ไม่น้อยกว่า 7 คน จึงจะครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการให้ถือเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมออกเสียงอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ 21 การประชุมใหญ่สามัญให้มีปีละครั้ง ภายในเดือนมิถุนายนของทุกปี เพื่อให้คณะกรรมการแถลงกิจการที่ได้ดำเนินมา และเสนองบแสดงฐานะการเงิน เลือกตั้งผู้สอบบัญชี ปรึกษากิจการทั่วไป และเลือกตั้งนายกสมาคมเมื่อครบกำหนดตาม ข้อ16
ข้อ 22 ถ้ามีเหตุซึ่งคณะกรรมการเห็นสมควรก็ดี หรือ 1 ใน 5 ของสมาชิกซึ่งมีสิทธิออกเสียงร้องขอ โดยทำเป็นหนังสือแจ้งเรื่องที่ประสงค์ให้นัดประชุมต่อคณะกรรมการก็ดี ก็ให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญได้ในเวลาอันควร
ข้อ 23 นายกสมาคมเป็นประธานในที่ประชุมใหญ่ ถ้าหากประธานกรรมการมิได้อยู่เป็นประธาน ก็ให้ที่ประชุมเลือกตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งขึ้นเป็นประธานแทน
ข้อ 24 การประชุมใหญ่ต้องมีสมาชิกซึ่งมีสิทธิออกเสียงอยู่ประชุมไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด หรือไม่น้อยกว่า 50 คนจึงจะครบองค์ประชุม สมาชิกสามัญมีสิทธิลงคะแนนเสียงได้คนละหนึ่งคะแนน มติที่ประชุมให้ถือตามเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมออกเสียงอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ 25 ข้อบังคับนี้จะแก้ไขเพิ่มเติมได้ก็แต่โดยมติของที่ประชุมใหญ่ ซึ่งมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสาม ของสมาชิกที่มาประชุมตามข้อ 24
ข้อ 26 การแจ้งประชุมใหญ่
การเชิญประชุมใหญ่อาจแจ้งโดยทางไปรษณีย์ หรือสื่ออื่นใด เช่น อินเตอร์เน็ต ไปรษณีย์อิเล็คทรอนิคส์ (E-mail) เป็นต้น
ข้อ 27 ให้คณะกรรมการมีหน้าที่ และรับผิดชอบ ในอันที่จะต้องจัดให้มีดังกล่าวต่อไปนี้ไว้ให้ถูกต้อง คือ
27.1 จำนวนเงินที่สมาคมได้รับและจ่าย ทั้งรายการอันเป็นเหตุให้รับหรือจ่ายเงินทุกรายการไป
27.2 สินทรัพย์ หนี้สิน และทุนของสมาคม
ข้อ 28 ให้ถือเอาวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันปิดงวดบัญชีประจำปีของสมาคม
ข้อ 29 กรรมการต้องจัดให้จดบันทึกรายงานการประชุมและข้อมติทั้งหมดของที่ประชุมใหญ่ และของที่ประชุมคณะกรรมการเป็นหลักฐานให้ถูกต้อง หลักฐานดังกล่าวนี้ให้พิมพ์เก็บรักษาไว้ ณ สำนักงานของสมาคม
ข้อ 30 กรรมการต้องจัดให้มีทะเบียนสมาชิกของสมาคม มีรายการดังต่อไปนี้
30.1 ชื่อและที่อยู่ ของสมาชิก
30.2 ประเภทการเป็นสมาชิก
30.3 วัน เดือน ปี ซึ่งได้ลงทะเบียนรับเป็นสมาชิก
30.4 วัน เดือน ปี ซึ่งขาดการเป็นสมาชิก
ข้อ 31 ผู้สอบบัญชีนั้นจะเป็นสมาชิกของสมาคมก็ได้ แต่จะเป็นกรรมการหรือผู้มีส่วนได้เสียในกิจการอื่นใดของสมาคม นอกจากเป็นแต่สมาชิกไม่ได้
ตัวแทนหรือเป็นลูกจ้างของสมาคมในเวลาที่อยู่ในตำแหน่งนั้นๆ จะเลือกเป็นผู้สอบบัญชีไม่ได้
ข้อ 32 ผู้สอบบัญชีนั้นให้ที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งทุกปี
ข้อ 33 ผู้สอบบัญชีควรจะได้สินจ้างเท่าใด ให้ที่ประชุมใหญ่กำหนด
ข้อ 34 ถ้าตำแหน่งผู้สอบบัญชีว่างลงในระหว่างปี ให้กรรมการนัดเรียกประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อให้เลือกตั้งขึ้นใหม่
ข้อ 35 เมื่อที่ประชุมใหญ่ลงมติให้เลิกสมาคม โดยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมแล้วให้เลิกสมาคมกันได้ เมื่อสมาคมต้องเลิกไปไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ภายหลังการชำระบัญชีแล้ว ถ้าหากมีทรัพย์สินเหลืออยู่เท่าใด ให้โอนทรัพย์สินทั้งหมดนั้นให้แก่มหาวิทยาลัยรามคำแหง